วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

การเตรียมตัวไปทำงานฟาร์มในต่างประเทศ

ในการไปทำงานฟาร์มในต่างประเทศ มีรายละเอียดวิธีคิดเรื่องรายรับรายจ่าย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะไปทำงานฟาร์มควรจะดูอะไรบ้าง



 รายรับ รายจ่าย ที่ต้องคำนึงถึงก่อนไปทำงานฟาร์ม
 รายได้ รายได้ในการทำฟาร์มมีเป็นสองแบบหลักๆ
แบบแรก เรียกว่า งานชั่วโมง จ่ายเงินเป็นชั่วโมงเหมือนงานทั่วไป
แบบที่สองเรียกว่า งานเหมาจ่ายเงินตามจำนวนผลงานที่ทำได้
สิ่งที่ต้องดูถามที่ดีๆก่อนก็คือ จ่ายเงินแบบไหน เหมา หรือ ชั่วโมง และถ้าจ่ายเหมาจ่ายอย่างไร ถ้าจ่ายชั่วโมง ชั่วโมงละเท่าไหร่
ถ้าเป้าหมายของการไปทำงานฟาร์มครั้งนี้คือการไปเก็บเงินเป็นหลัก รายจ่ายก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนวณให้ดี ไม่งั้นอาจจะไม่เหลือเงินเก็บได้

รายจ่าย ที่จะเกิดขึ้นจากการไปทำงานฟาร์ม
ค่าเดินทาง (1) ถ้าไม่ได้บินตรงจากเมืองไทยไปสู่เมืองที่ทำฟาร์มเลยจะมีค่าเดินทางค่อนข้างสูง เพราะว่าส่วนมากแล้วฟาร์มมักจะอยู่ในแอเรียที่ isolate พูดง่ายๆว่าห่างไกลจากเมืองใหญ่ๆนั่นเอง
ค่าบ้าน ในการมาอยู่ต่างประเทศค่าบ้านมักจะเป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่สุด แม้การไปแชร์บ้านอยู่กันในบ้านของ contractor จะไม่ได้ค่าใช้จ่ายสูงเท่าในเมือง แต่ก็ต้องถามกันให้ละเอียดว่าต้องจ่ายอะไรบ้าง เช่น ต้องจ่ายค่าบ้านตอนไหน วีคละเท่าไหร่ หักจากเงินที่ทำได้เลยหรือว่ายังไง
ถ้าอาทิตย์ไหนไม่มีงานต้องจ่ายค่าบ้านมั้ย (contractor บางที่ไม่คิดค่าบ้านถ้าไม่มีงาน บางที่บอกว่าถ้ามีงานน้อยกว่าสองวันจะไม่คิดค่าบ้าน บางที่ก็คิดไม่ว่ามีงานหรือไม่มีงาน

ค่าเดินทาง (2) แม้ว่าที่พักของเราจะอยู่ในเมืองเล็กๆกันแล้ว โดยมากเรายังต้องนั่งรถไปอีกสักพักเพื่อทำงาน เพราะฟาร์มจะไม่ตั้งอยู่ในที่ย่านพักอาศัย ดังนั้นจะต้องมีค่ารถอีก ว่าวันละกี่ดอล ก็หักกันไป (ยกเว้นว่าจะอาศัยนอนในฟาร์มเลยก็จะไม่เสียค่ารถ) หรือบางคนหุ้นกับเพื่อนๆซื้อรถส่วนตัว (รถที่นี่ไม่แพงครับ โดยเฉพาะต่างจังหวัด มีมือสองเยอะแยะ) และขับรถไปฟาร์มเองหรือติดต่อกับเจ้าของฟาร์มเองก็มี

ค่าอาหาร ให้ตรวจสอบว่าค่าที่พักนั้นได้รวมค่าอาหารไปด้วยรึยัง ถ้ายังเราก็ต้องคำนวนว่าเราจะใช้งบกับการซื้ออาหารเป็นจำนวนเท่าไหร่ต่อสัปดาห์ โดยทั่วไปแล้ว อาหารจะต้องทำเองครับ เพราะเราต้องไปทำงานในฟาร์มไม่ได้มีร้านขายของขายอาหารให้เราซื้อกัน

ข้อแนะนำเบี้องต้นในการไปทำงานฟาร์ม
1 เตรียมตัว เตรียมใจ ให้ดีว่าต้องสู้งานหนัก ทำงานกลางแดด ไม่ได้ทำงานสบายๆ (ยกเว้นทำในโรงงาน ก็อาจจะสบายกว่าเพราะทำอยู่ในร่ม)


2 อุปกรณ์ที่ต้องนำไปได้แก่ เสื้อกันฝน (กันอากาศแปรปรวน) รองเท้าบูท เสื้อผ้าที่ลุยๆ เหมือนใส่ไปค่ายลูกเสือ แบบแต่งสวยๆ ไม่ต้องเอาไปเพราะจะไม่มีเวลาได้แต่งเท่าไหร่ (อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เหล่านี้หาซื้อได้ไม่ยาก) อ้อ เอาครีมกันแดดไปด้วยนะครับ

3 ตรวจสอบให้ดีว่าคนที่เราจะไปทำงานให้นั้นเชื่อถือได้มั้ย โดยพยายามเช็คจาก เพื่อนๆที่เคยไปมาแล้ว ถ้าเป็นไปได้
4 ใบขับขี่ ถ้ามีไว้ก็ดี อาจได้งานสบายและได้เงินเยอะกว่าคนอื่น ๆ เช่นขับรถฟอล์คลิฟท์ในโรงงาน หรือ ขับแทรคเตอร์พ่นยาฆ่าแมลง หรืออาจจะซื้อรถขับเอง ติดต่อหางานเองไม่ต้องพึ่ง contractor (หรืออย่างน้อยก็อาจไม่เสียค่ารถที่ขับไปทำงานฟาร์มเพราะต้องเป็นคนขับ)

5 ทำร่างกายให้แข็งแรง เพราะอากาศอาจแปรปรวน ฝนตกบ้าง หนาวบ้าง อาจจะป่วยได้ง่ายๆ เตรียมยาแก้หวัดไปด้วยก็ดีครับ ไปถึงแล้วคงไม่ต้องออกกำลังกายแล้ว แต่ก่อนไปพยายามออกกำลังเยอะๆ ฟิตร่างกายไว้หน่อย

6 หาเพื่อนไปด้วยกันสักคน จะได้ไม่เหงาและมีปัญหาจะได้ช่วยเหลือกัน และยังอาจช่วยให้ประหยัดไปได้อีกหากแชร์ค่าอาหารกัน เหมือนที่เค้าว่าคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายครับ
7. อย่างที่กล่าวไปแล้ว เชคเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น และรายรับที่ควรจะได้รับให้ดีว่าเราไปแล้วจะเหลือเก็บมั้ย เพราะถ้าเราเสียค่านู่นนี่ไปเยอะ หักลบแล้วไม่คุ้ม ก็อย่าไปดีกว่า

8. เมื่อไปทำแล้ว ถ้าชอบจริงๆ ให้พยายามรู้จักคนไว้เยอะๆ เพื่อนผมคนนึงเคยไปทำฟาร์มมาด้วยกันตั้งแต่ปี 2008 ตอนนี้แกก็ยังทำอยู่ ย้ายฟาร์มตามกันไปเรื่อยๆ เก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำกันเลยทีเดียว

9. พยายามอย่าทำผิดกฎหมาย เช่น เมาแล้วอย่าขับเพราะค่าปรับมันแพงและเสียประวัติ ตำรวจแถวบ้านนอกเค้าไม่มีอะไรให้จับเยอะเท่าในเมือง ดุกว่าเยอะ ที่ผมเคยเจอคือ เดินออกมาจากบาร์กับเพื่อนกัน กำลังจะขับรถกลับบ้าน แล้วเห็นไฟรถที่จอดอยู่ไกลๆดับลง คนที่มาด้วยกันก็ไม่ได้สังเกตอะไร พี่คนนึงที่ทำงานมานานก็เลยบอกว่าตรงนั้นเป็นตำรวจดักรออยู่ เรียกแท็กซี่ดีกว่า
10. เมื่อไปอยู่ตรงนั้น เราอาจจะห่างไกลจากการใช้ internet และการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ดังนั้นเมื่อใครพูดอะไรให้ฟังหูไว้หู อย่าเพิ่งเชื่อไปเสียหมด เช่น พี่ที่เป็น contractor เค้าบอกจะสมัครพีอาร์ให้หนูถ้าหนูเป็นแฟนเค้า ถ้ากรณีนี้ต้องเช็คกฎหมายดีๆก่อนว่าเค้าทำได้มั้ยจริงๆ เค้ามี residency status เป็นอย่างไร ยังมีสิทธิสปอนเซอร์คนรึเปล่า แต่งงานมาแล้วกี่รอบ หรืออาจะเป็นกรณีขับรถผิดกฎโดนหมายเรียกแล้วไม่ไป โดยมีเพื่อนบอกว่าไม่ต้องไปเพราะอิมมิเกรชันไม่ตรวจ เป็นต้น ยกเป็นตัวอย่างเฉยๆครับ พูดหลักๆว่าให้หาข้อมูลดีๆก่อนตัดสินใจทำอะไร โดยเฉพาะอะไรที่ส่งผลต่อวีซ่าเรา

ภาพประกอบจาก : อินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น