เรื่องเล่าเจ้าของบล็อก

Up Date การเจริญเติบโตของมะนาว 6 ต้น ที่ปลูกนำร่องที่สวนมะนาวภูนิตา (Poo nita farm)
เมื่อครั้งที่แล้ว เล่าถึงเรื่องการปลูกมะนาวแป้นพิจิตร1 เริ่มต้น และได้มีการจัดการเรื่องหนอนชอนใบไป ผ่านมาเป็นระยะเวลา 1 ปี แล้วค่ะ ไม่ได้นำมา่เล่าให้เพื่อนๆ ผู้เยี่ยมชมบล็อกได้รู้ความคืบหน้ากันเลย วันนี้จะนำมาเล่าความคืบหน้าของมะนาวที่ปลูกและภาพของมะนาวที่พัฒนาไปเรื่ือยๆมาให้ชมกันค่ะ ชมกันเลยค่ะ
มีการจัดการเรื่องแมลง ต้นมะนาวก็เจริญเติบโต
ต้นสมบูรณ์ค่ะ
ตอนนี้ระยะเวลาประมาณ 6-7 เดือนค่ะ
แตกยอดอ่อนดีมากๆ
สมบูรณ์พร้อมให้ดอกและผล
6 ต้นนี้จะไม่บังคับนอกฤดูค่ะ จะให้ออกในฤดูดูว่าจะมีลูกเยอะแค่ไหน
ต้นนี้กำลังติดดอกค่ะ

เริ่มติดลูกเล็กๆแล้วค่ะ
ลูกโตขึ้นตามลำดับ
แป้นพิจิตร1 ออกลูกเป็นพวงๆ
นับลูกได้ประมาณ 8 ลูก







สรุปว่าต้นหนึ่งๆ ให้ลูกที่นับได้ประมาณ 250-270 ลูก เป็นที่น่าพอใจพอสมควรค่ะ
....................................................................................
 รื่องราวของคุณแม่ปิ่น
"บันทึกจากลูกสาวแม่ (ต่อ)
วันที่ 31 พฤศจิกายน 2556
หายไปนานอีกเหมือนเดิมค่ะ เนื่องจากติดภาระกิจหลายๆอย่าง วันนี้จะมาเล่าเรื่องของแม่ปิ่นต่อ เนื่องจากว่า จากการรักษาหลอดลมตีบของแม่ผ่านมานานหลายปี วันนี้เป็นวันที่คุณหมอนัดที่จะเย็บปิดคอให้แม่ เพราะอาการโดยรวมของแม่ดีขึ้น หายใจได้เอง เมื่อปิดรูที่เคยเจาะคอ ก็สามารถหายใจที่จมูกได้ปกติเหมือนคนปกติ ดังนั้นหมอจึงวินิจฉัยให้ทำการเย็บปิดคอได้ แม่ดีใจมาก รวมทั้งคนในครอบครัวทุกคน หลังจากเย็บปิดคอแล้ว แม่ต้องนอนรอดูอาการประมาณ 3 วัน หมอถึงให้กลับบ้านได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ต้องรักษาอีกนะค่ะ ก็ต้องดูอาการไปเรื่อยๆ และต้องไปหาหมออย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิมค่ะ ตามนัด วันนี้เอารูปของมาให้ดูด้วยค่ะ ตอนนี้ก็เบาใจได้ค่ะ แม่สดชื่นมากก.ก
ยายปิ่น สดชื่นสดใส
สู้ตายค่ะ
ระหว่างรอกลับบ้านอ่านหนังสือเสริมความรู้
......................................................................................................................................
รื่องราวของคุณแม่ปิ่น
"บันทึกจากลูกสาวแม่ (ต่อ)
วันที่ 19 เมษายน 2556
ห่างหายไปนานมากๆๆๆ สำหรับการ เล่าเรื่องราวของคุณแม่ปิ่น นับจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ล่าสุดที่มาเล่าก็น่าจะ พฤษภาคม 2554 ตอนนี้ 2556 แล้ว เกือบจะสองปี อาการของแม่ ดีขึ้นตามลำดับ แม่ได้เปลี่ยน Tube จาก ซิลิโคลนมาเป็น Tube เหล็ก แบบเจาะมีรู เมื่อพูดก็มีเสียงออกมาตามปกติ เพียงแต่ต้องเอาพลาสเตอร์ปิดแผล ปิดที่รูตรงที่เจาะคอเท่านั้น ที่ผ่านมาก็พาแ่ม่ไปหาหมอตามที่หมอนัดตลอด เพราะคุณหมอต้องคอยเช็คอาการ ดูความเป็นไปของหลอดคอ ทำความสะอาดแผล ต้ม Tube เปลี่ยน Tube ตามนัด การนัดของหมอก็ประมาณ 3 เดือน 1 ครั้ง และเมื่อล่าสุดนี้ แม่ได้เปลี่ยนจากท่อ 5 มิล เป็น  4 มิล เรียบร้อยแล้วค้า... แต่มีเหตุการณ์ เหตุการณ์หนึ่งที่จะมาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ได้ฟังเพราะเป็นอะไรที่ เกือบแย่ สำหรับคุณแม่ปิ่น  แม่แกเป็นหลายโรคอยู่แล้ว ประมาณว่ารวมมิตร ก็ว่าได้ ส่วนหมอที่นัดก็หลายหมอ ทำให้ต้องได้เดินทางไป กทม.บ่อยๆ แม่แกกลัวลูกเสียงานเสียการ ก็ไม่ไปตามหมอนัดมีอยู่ครั้งหนึ่ง มันเกี่ยวกับเรื่องโรคเลือด ปกติ แม่ก็กินยาตามที่หมอสั่งค่ะ แต่เมื่อยาหมด หมอที่นัดไว้ แม่ก็ไม่ไป ยาก็ไม่ได้กิน ปล่อยเวลาล่วงเลยไปนานหลายเดือน นับดูน่าจะประมาณ 6 เดือนได้ค่ะ อาการของแม่เริ่มจากเหนื่อยมากขึ้น ทำงานอะไรก็เหนื่อยมากขึ้น เริ่มมีอาการเหมือนเดิมเลย แต่เราก็โทรคุยกะแม่ทุกวันๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ึนึกฉุกใจขึ้นมา คือ คำพูดของแม่ ว่า คงจะอยู่กับลูกไม่ถึงลูกเรียนจบหรอก เหนื่อยจัง ไอ้เราก็งง เอ..? ทำไมแม่พูดแปลกๆ วันนั้นจึงตัดสินใจ พาแม่ไปศิริราชทันที เลยวันหมอนัด แต่เราก็เอาใบนัดไปด้วย เผื่อมันจะใช้ได้ ไปถึงก็เข้าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ให้หมอโรคเลือดตรวจ ค่าเลือดของแม่ ลดต่ำลงจนถึงขึ้นต้องน๊อกแล้ว แต่นี่เป็นยายปิ่น สุดทนนน และแข็งแรงมากก ไม่ล้ม ไม่น๊อก หมอเลยให้ยามากิน ตอนแรกนึกว่าต้องนอนโรงพยาบาลซะแล้ว หมอบอกว่า อีก 1 อาทิตย์ อาการของแม่จะดีขึ้น ไอ้เราก็เป็นกังวล ถามหมออยู่นั่นแหล่ะ มันแน่นะค่ะ คุณหมอ หมอบอกว่า เชื่อหมอเหอะน่า ไม่เป็นไร กินยานี่ เดี๊ยวก็ดีขึ้นเอง ได้ยามาหอบเบ้อเร้อ กินได้ 1 อาทิตย์ อาการของแม่ ดีขึ้นจริงๆ จากวันนั้นจนถึง ณ.ตอนนี้ ก็ต้องไปเอายาตามหมอสั่งตลอด ตอนนี้แม่ปิ่นของเรา สุดยอด ความแข็งแรงค้า เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้รดน้ำขอพร คุณพ่อภู - กับแม่ปิ่นด้วยจ้า 
.....................................................................................................................
วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2555
วันนี้จะมา Up Date มะนาวที่ลงไปครั้งที่แล้วว่าเป็นไงบ้างแล้ว ไปดูแล้วปรากฏว่า หนอนชอนใบเล่นงานหงิกเกือบทุกต้นเลย เฮ้อ ต้องจัดการซะให้สิ้นซากซะแล้วค่ะ แต่ก็อดสงสารมันไม่ได้ แต่ทำไงได้ ก็ต้องจัดการ ไม่งั้นไม่โตแน่ มาดูกันเลยค่ะ ว่าจัดการแบบไหน..
สภาพที่เห็นครั้งแรก ใบหงิก

เป็นแบบนี้เกือบทุกต้น
ดูแล้วน่าเสียดายมาก
แต่ต้องตัดใจ ตัดซะ เพราะจะสายเกินแก้
ยอดที่หนอนชอนใบมันเล่นงาน
นำมากองรวมกัน
จุดไฟเผาทำลายเชื้อโรค
เผาให้สิ้นซากไปเล
    
หลังจากเผาเรียบร้อยแล้วยอดอ่อน



ฉีดพ่นด้วยยา อะบาแม็คติน
ตัดใบที่หงิกออกแล้วฉีดพ่นยา
วิวสวยๆ




.................................................................................................
วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2555
กิจกรรมวันปลูกมะนาว รอบแรก ปฐมฤกษ์ ได้เวลาแล้วจ้า มะนาวซื้อมาจากสวนพี่มงคล ได้ฤกษ์ปลูกซะที ต้นพันธุ์เอามาฝากไว้บ้านแม่หลายอาทิตย์ทีเดียว ต้องเช็คดูต้นพันธุ์เสียหน่อย ตาย ตาย ตาย! หัวใจจะวาย มะนาวของฉาน!...อีนังหนอน! มันบังอาจ ยังไม่ทันได้ลงปลูกเลย มาเล่นงานเสียแล้ว ตายเสียเถอะว่าแล้ว ก็ บี้ บด แบน แค้นใจ มันทำเอามะนาว ใบหงิกเลย โถ เป็นตั้งหลายต้น ใบอ่อนกำลังออกเสียด้วย ฆ่าให้หมด จะเป็นไรหรือเปล่าเนี่ย ยังดีนะที่เห็น เอาล่ะ จัดการแล้ว มาลงมือปลูกกันเลย แต่ต้องไปหาคนมาช่วยขุดดินผสมดิน ขนดิน ไม่ไหวแน่ ไปตามอามาช่วย ประมาณว่าจ้างอานะแหล่ะ สายๆอาไม่มาสักที พวกเราก็เลยเตรียมอุปกรณ์รอก่อนแล้วกัน นั่นคือ สับกาบมะพร้าวรอผสมดิน เมื่อวานซื้อปุ๋ยขี้ไก่มาค่ะ แพงน่าดู ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ด กระสอบล่ะ 50 กิโล ราคา 240 บาท เหม็นปุ๋ยมาก แม่บ่นตั้งแต่ขับรถมาถึงว่า เหม็นอะไร ฮิ ฮิ .. พ่อไปตามอาอีกรอบ กว่าจะมาได้ พอมาถึงก็ขุดดิน มีเพื่อนบ้านอีกคนมาช่วยกัน จ้างเป็น 2 คน วันล่ะ 300 บาท ส่วนเราได้เตรียมวงบ่อไว้แล้ว ตามภาพประกอบเลยค่ะ ต้นแรกแม่ปลูกเอาฤกษ์ก่อนไม่มีภาพมาฝากเลย ต้นที่สอง สาม สี่ และ ห้า พ่อเป็นคนปลูกเอาฤกษ์อีก ....งามๆๆๆ นะลูกนะ เดี๋ยวเพื่อนๆ จะตามมาอีกเยอะเดือนหน้า 200 ต้น แล้วจะเอาภาพมาฝากค่ะ
กิจกรรมปลูกมะนาวของเรา
วัดระดับ วางวงบ่อข้างบ่อน้ำ ทำ 2 วงบ่อ 2 ชั้น
 คิดได้ทีหลังว่า สูงไป แค่ชั้นดียวก็พอ

สับกาบมะพร้าว

ผสมดิน+ปุ๋ยขี้ไก่+กาบมะพร้าวสับ
ผสม ๆ ให้เข้ากัน
ขนไปเทลงท่อซีเมนต์
กว่าจะเต็ม จำนวน 43 บุ้งกี๋

ใส่ให้เต็ม นูนไว้เยอะๆ ตอนปลูกรดน้ำ ดินก็ยุบเท่าระดับปากบ่อพอดี
ภาพรวมตอนขนดินเสร็จแล้วค้า
ปลูกเรียบร้อยแล้วค่ะ
ปลูกเสร็จแล้ว เป็นอย่างที่เห็นค่ะ



ยอดมะนาวที่กำลังแตกยอดอ่อน 
หนอนกับแมลงชอบมาก ยอดอ่อน
ดูเหมือนมันจะใบหงิกๆ ท่าทางไม่ดี ต้องกำจัดและฟื้นให้เร็วที่สุด
ภาพ : Poo nita Farm
 .................................................................................................
วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2555
วันนี้จะมาเล่าเรื่องไปเยี่ยมสวนมะนาวของ คุณอิทธิพล,คุณพี่แจ๋ว,และคุณนิททัน อยู่ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยองนี่แหล่ะค่ะ ตอนนี้มะนาวของคุณพี่กำลังสวยเชียวค่ะ ได้ประมาณ 5 เดือนแล้ว พี่เค้าให้คำแนะนำดีมากค่ะ ตอนนี้แม้จะเพิ่งเริ่มทำสวนมะนาวได้ไม่นาน พี่ๆ ก็ทำได้ดีเชียวค่ะ และมะนาวกำลังเขียวสวย ออกดอกเต็มไปหมด สมกับเป็นพันธุ์แป้นพิจิตร1 รวมทั้งการเอาใจใส่ของเจ้าของสวนด้วย  เจ้าของสวนไม่ได้ทำอย่างเดียวนะค่ะ มีทั้งการเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงไก่ แถมเลี้ยงหมูหลุมอีกต่างหาก แถมตอนนี้กำลังปลูกไผ่กิมซุงด้วยค่ะ แหม ฟังแล้วก็อยากกลับบ้านไปทำใจจะขาด..เราเอาภาพสวยๆมาฝากด้วยค่ะ ถ้าใครสนใจก็เข้าไปเยี่ยมชมสวน และสั่งพันธุ์หวาย พันธุ์มะนาวได้ของพี่ๆได้เลยค่ะ (ภาพบางสวนไปแอบเอามาจากเวปของเจ้าของสวน คงไม่ว่ากันนะค่ะ)
สถานที่เลี้ยงไก่เบตง
หมูหลุม
บ่อเลี้ยงปลาดุกค่ะ
ต้นพันธุ์หวาย
ไผ้กิมซุง
มะนาวพันธุ์แป้นพิจิตร1

ขอขอบคุณ : เจ้าของสวน อัมรินทร์ฟาร์ม ทั้งสามคนค่ะ
....................................................................................................

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2555
เรื่องเล่าจากสวนมะนาว "สวนคุ้มมะนาวหวาน" อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี
พี่มงคลเจ้าของสวน
บรรยากาศที่สวนคุ้มมะนาวหวาน
วันนี้ไม่ได้มาเล่าเรื่องแม่ปิ่นนะค่ะ แต่จะมาเล่าเรื่องไปเที่ยวสวนมะนาวของพี่มงคลค่ะ เพราะแม่ปิ่นตอนนี้ดีขึ้นมาก แต่ก็ยังต้องไปหาหมออยู่เป็นประจำค่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่านะค่ะ เรื่องสวนคุ้มมะนาวหวานเนี่ย เราเพิ่งไปเยื่ยมพี่มงคลมาวันอาทิตย์นี่เอง ได้ภาพสวยๆจากสวนมาฝากด้วยค่ะ พี่มงคลแนะนำเรื่องการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ให้ฟัง รวมทั้งเทคนิคต่างๆในการปลูก สำหรับสวนคุ้มมะนาวหวานเราได้หาข้อมูลการปลูกมะนาวจากอินเตอร์เน็ตเพราะสนใจมาก มีคนบอกว่าปลูกยาก ก็เลยสงสัยว่า มันปลูกยากยังไงนะ อยากลองของ .....55..พี่มงคลเล่าว่า มะนาวที่สวนเป็นพันธุ์ "แป้นพิจิตร" แกไปเอามาจากจังหวัด พิจิตร เลย  พี่มงคลทำงานที่ ศูนย์เพาะพันธุ์เนื้อเยื่อ ของกรมวิชาการเกษตรที่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี เมื่อก่อนภรรยาของพี่มงคล ทำร้านอาหาร ต้องซื้อมะนาวทีละหลายร้อยลูก ราคาลูกละ 5-8 บาท พี่แกเลยเจ็บใจ มาเสียตังค์ซื้อมะนาวแพงๆ ทั้งที่ทำงานอยู่ศูนย์เพาะ ก็เลยหาวิธีการปลูกมะนาว การตอนกิ่งพันธุ์และเทคนิคอื่น รวมทั้งพี่แกเป็นวิทยาการอบรมให้กับชาวบ้านผู้สนใจการปลูกมะนาวนอกฤดูในวงบ่อซีเมนต์อีกด้วย เข้าทางเลย จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ เป็นระยะเวลา 2 ปี กว่าๆ แล้ว ที่สวนของพี่มงคล ก็เลยเต็มไปด้วยกิ่งพันธุ์มะนาว เพราะพี่แกขายกิ่งพันธุ์เป็นจำนวนมาก แม้จะระยะเวลาไม่กี่ปี ก็ทำให้การปลูกมะนาวของพี่มงคลสำเร็จเนื่องจากพี่มงคลใส่ใจกับสวนเป็นที่สุด เป็นหัวใจของพี่แกเลยก็ว่าได้ตอนนี้มีผู้เข้าไปซื้อกิ่งพันธุ์รวมถึงการเข้าไปขอเทคนิคในการปลูกต่างๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มะนาวที่สวนของพี่มงคลลูกใหญ่จริงๆค่ะ แถมดกอีกต่างหาก มีภาพมาฝากผู้เยี่ยมชมบล็อกด้วยนะค่ะ
ต้นพันธุ์ของมะนาวแป้นพิจิตร 1
ต้นที่ปลูกได้ประมาณ ปีกว่าๆ
ลูกดกเต็มต้นเลยค่ะ
อีกต้นค่ะ
ถ้ามีใครสนใจก็สามารถติดต่อไปที่เบอร์พี่มงคลได้เลยค่ะ พี่่่มงคลยินดีต้อนรับทุกเมื่อนะค่ะ
เบอร์ : 086-1110115 
..................................................................................................
เรื่องราวของคุณแม่ปิ่น
"บันทึกจากลูกสาวแม่"
ไม่ได้เขียนเรื่องเล่ามานานพอสมควรเลย วันนี้้เอาบันทึกเก่าๆมาให้อ่านกันค่ะ
วันที่ 15 มิถุนายน 2554 ...มาอีกแล้วครับท่าน ...หมอนัดดูแผลยายปิ่นที่ รพ.ศิริราช ตอนแรกคือวันที่ 14 มิถุนายน 2554 พอมาตรวจแล้ว หมอไม่ให้แม่กลับบ้าน นอนโรงพยาบาลเลย บอกว่าเส้นเสียงแม่บวมมาก เนื่องจากหลอดคอที่ใส่ไปคือ ซิลิโคลนเนี่ย ไปทับเส้นเสียงต้องเลื่อนใหม่ แล้วต้องเข้าห้องผ่าตัดอีก กลายเป็นว่าวันที่ 15 มิถุนายน 2554 เช้า คิวแรกต้องขึ้นเขียงอีกแล้ว ทำไปทำมากลายเป็นว่าต้องให้แม่นอนโรงบาลอีกนาน บอกว่าต้องฉีดยา อีก 7 วัน ถึงจะได้กลับบ้าน สรุปคือ แม่แพ้ท่อซิลิโคลนที่เปลี่ยนไปครั้งที่แล้ว แถมมีอาการติดเชื้อจากท่อซิลิโคลนเลื่อนไปทับเส้นเสียงอีก ทำให้แม่พูดไม่มีเสียงออกมา เอาเข้าไป เป็นเยอะนะเนี่ย เลยต้องอยู่ รพ.ตามหมอสั่งไปตามระเบียบ ไม่เป็นไรนะแม่ สู้ๆ หายแท้แน่นอน รักแม่นะ เดี๋ยวหายแล้ว หนูจะมารับกลับบ้าน ตอนนี้รักษาตัวก่อน เอาให้หายดีๆ จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอีก...

วันที่ 17 เดือน พฤษภาคม 2554 - วันที่ 18 พฤษภาคม 2554 @ โรงพยาบาลศิริราช
เดินทางจากสระแก้วมา กรุงเทพ เวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ เพราะว่าแม่มีนัดจะต้องผ่าตัดวันที่ 19/5/2554 ต้องทำเรื่องที่จะต้องนอนโรงพยาบาล พรุ่งนี้ต้องพาแม่ไปตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและเอ็กซเรย์-ตรวจเลือดด้วย เดินทางมาถึง ประมาณ 17:30 น.เข้าพักที่โรงแรมอัมรินทร์ เช็คอินแล้วเข้าพัก กินข้าว ดูทีวี แล้วก็นอนเอาแรงจะต้องลุยต่อวันพรุ่งนี้ อาการแม่ดูปกติดี ไม่มีปัญหา.....
เช้าวันที่ 18/5/2554 ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวมาศิริราช ตอนตี 5 ครึ่ง มาถึงศิริราช 6 โมง นึกว่าคนยังมาไม่มาก ที่ไหนได้ เพียบเลย แต่ไม่รอช้าให้แม่นั่งรอที่นั่งของคนป่วย เราก็เข้าเพื่อยื่นเอกสารตรวจเลือด เช็คสิทธิ์ ยื่นเอกสารเรียบร้อยรอเรียกชื่อตามคิว ห้อง 102 เจาะเลือดแล้วไปจ่ายตังค์ ไปชั้นสอง ห้อง 208 ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ คิวที่ 6 เสร็จแล้วไปเอ็กซเรย์ห้อง 243 หยิบบัตรคิวได้คิวที่ 12 แต่ดันลืมจ่ายค่าเอ็กซเรย์ต้องวิงไปจ่ายก่อนตรวจห้อง 210 ห้องเบอร์ 5 เหนื่อยจัง...เอ็กซเรย์เสร็จรอฟังผลช่อง 7 ยังไม่ได้ฟิมล์ไว้ค่อยมารับทีหลัง เค้าบอกให้มาอีกทีตอน 9:30 น. ให้ขึ้นไปรอชั้น 5 เลย มาถึงชั้นห้า รอในห้องแอร์เย็นๆ ไปซื้อข้าวมากินกันกับแม่ กินเสร็จพอดี 9:30 น. ต้องไปรับฟิมล์เอ็กซเรย์ เสร็จแล้วก็ยื่นเอกสารพร้อมฟิมล์เอ็กซเรย์ที่หน้าเคาเตอร์พยาบาลชั้น 5 ห้อง 36 รอเรียกชื่อ ตามคิว รอไปเหอะ กว่าจะเรียกนานมาก เพราะว่าคนไข้เยอะต้องให้หมอห้อง 21 ตรวจก่อนจึงส่งตวเข้านอนโรงพยาบาล รอๆๆๆๆๆ เกือบเที่ยง 11:40 น.ถึงได้ส่งตัวเข้าตึก แม่อยู่ตึกเฉลิมพระเกียรติเหมือนเดิม ชั้นสอง ในที่สุดก็เรียบร้อย ..แต่ปวดขามากๆ แม่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยขึ้นเตียง แม่ได้เตียงที่ 11 หลังเข้าตึกต้องรอหมอตรวจอีกรอบ ประมาณ 5 โมงกว่าๆ ตั้งแต่มาถึง แม่กินหมากไป 3 คำแระ กินจริงๆเล๊ย แม่เนี่ย...!!! พยาบาลมาบอกว่า พรุ่งนี้แม่ต้องเปลี่ยนท่อ Tube เป็น ซิลิโคลน ตัวที แทนตัวเดิม ไม่ต้องล้างท่อแล้ว เย้..!!! พยาบาลมาบอกว่า ถ้าใส่ซิลิโคลนต้องระวังเรื่องเสลด อาจอุดท่อได้ แม่ต้องเลิกกินหมาก แต่แม่เหรอจะเลิก ขอบอกว่า "บ่มีทาง" จะกินต่อไป .... ดื้อแท้ยายปิ่น...เราถามพยาบาลว่า ถ้าแม่เปลี่ยน Tube ใหม่แม่จะพูดมีเสียงเหมือนตอนนี้ไหม เค้าบอกว่า อาจจะมีแต่เสียงจะไม่เหมือนเดิม ต้องรอดูอีกที ว่าผ่าแล้วแม่จะมีอาการเป็นยังไง...
เอาเป็นว่า "สู้ๆเืด้่อแม่" หายแท้แน่นอน
......................................................................................................................
แม่นอนโรงพยาบาลสระแก้ว ก่อนเจาะคอ

วันพฤหัสที่ 20 มกราคม 2554 (ผ่าตัดเจาะคอ) ระยะเวลา 21-30/1/54
    วันนี้หมอนัดแม่เจาะคอ เนื่องจากว่าหลังจากที่แม่ป่วยอยู่โรงบาลมาเกือบเดือนอาการเหนื่อยหอบของแม่ยังไม่เคยหาย อาการแม่จะประมาณว่า นั่งอยู่เฉยๆ ยังไม่ออกแรงยังเหนื่อยเลย บางทีก็เหมือนคนปกติไม่มีอาการของคนป่วย ไม่เหนื่อย นั่งกินหมากเฉย..แต่พอเหนื่อยขึ้นมาก็เป็นปุ๊บปั๊บ ต้องเรียกพยาบาลหายามาพ่นแทบไม่ทัน ที่สังเกตุจะเห็นว่าแม่จะเหนื่อยเวลาเดินเข้าห้องน้ำ คงเป็นเพราะต้องออกแรงเดินไปห้องน้ำเลยทำให้เหนื่อยกว่าปกติ และหมอพรพิมลก็ให้หมอเฉพาะทางเกี่ยวกับ คอ หู จมูก มาเช็คดูอาการ ก็เจอสาเหตุว่า หลอดลมแม่ตีบต้องทำการเจาะคอเพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น พอช่วงบ่ายเค้าก็มารับตัวแม่ไปห้องผ่าตัดหลังจากที่อดข้าว อดน้ำ มาตั้งแต่ เจ็ดโมงเช้า เข้าไปประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ แม่ก็กลับออกมา กับท่อหลอดที่ยาวกว่าเดิม วันนี้พี่สาวเป็นคนไปเฝ้าแม่ที่โรงบาลสระแก้ว อาการโดยทั่วไปของแม่ก็ดี หายใจได้ดีขึ้น ไม่เหนื่อย สบายขึ้น พอวันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2554 คุณหมอจักรพงษ์คนที่เจาะคอแม่ก็ให้กลับบ้าน เค้าแปลกใจเหมือนกันทำไมให้กลับ แผลแม่ยังไม่ดีเลย ทำไมหมอไม่ดูอาการไปก่อนพี่สาวก็ถามหมอ ขออยู่โรงบาลต่อ แต่หมอก็ไม่ให้อยู่ กลับบ้าน มาในวันนั้น ผลก็คือ มาถึงบ้านยังไม่ถึงสองชั่วโมง แม่หายใจไม่ออก เนื่องจากสเลดไปอุดท่อที่เจาะ ปรากฏว่าพี่สาวคนที่เฝ้าก็ไม่อยู่ ให้พ่อกะตาต้าเผชิญชะตากรรม ไอ้ตาต้าโทรหา บอกว่าแม่หายใจไม่ออก เค้านี่แทบขาดใจ เพราะสงสารแม่ โทรไปต่อว่าพี่สาวทำไมไม่สอนวิธีถอดท่อล้างทำความสะอาดให้พ่อก่อนไปขายของ แต่พี่สาวแม่งงก ขายของอยู่ตลาดนัดไม่ยอมมาสอนพ่อก่อน ไม่เข้าใจพี่เหมือนกัน นาทีชีวิตคนมันกลับเฉยๆ แต่ช่างเหอะ เวลาช่วงนั้นก็ผ่านมาได้ตอนเช้าเค้าก็กลับไปบ้านไปดูแม่ อาการแม่ก็หายใจแรง แต่ไม่ค่อยเหนื่อย ร่าเริงพอสมควร แต่เหนื่อยก็ต้องถอดหลอดที่คอไปล้างทำความสะอาด และแม่ก็เริ่มเหนื่อยหายใจไม่ออก เนื่องจากสเลดเหนียวมากไปอุดท่อหลอดลม ต้องพาไปดูดสเลสที่โรงบาลวังน้ำเย็น เป็นอย่างงั้นอยู่ สองวัน เสาร์อาทิตย์ ต้องพาไปโรงบาลตลอดพอมาถึงตอนนี้ยิ่งคิดว่า ทำไมหมอถึงปล่อยแม่ออกจากโรงบาลได้ คิดได้ไงไม่รู้ เครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่มีแต่เค้าก็ติดต่อร้านขายอุปกรณ์แพทย์เพื่อจะซื้อเครื่องดูดสเลด แต่ก็หยุดอีก ต้องรอวันจันทร์เพราะเจ้าของร้านดันไปต่างจังหวัด วันจันทร์ต้องหยุดงานเพื่อที่จะต้องไปซื้ออุปกรณ์ให้แม่ แล้วในที่สุดก็ได้เครื่องดูดมาในช่วงบ่ายของวันจันทร์ ต้องสอนวิธีการดูดให้พ่อกะตาต้ารู้ เพราะเค้าต้องกลับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น ยังคิดกลุ้มใจอยู่เลย เค้าจะทำกันได้หรือเปล่า ยิ่งคิดยิ่งเครียด พอสอนเสร็จก็เดินทางกลับด้วยความกังวลใจนิดๆ แต่ก็ต้องกลับ มาถึงกลางทางไอ้ตาต้าโทรมาบอกว่าดูดสเลดแม่ไม่ออกทำไงดี เฮ้อจะกลับไปหรือทำไงคิดอยู่พัก ก็ให้พ่อเรียก รถฉุกเฉิน 1669 มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แล้วเค้าก็มาสอนวิธีการเบื้องต้นให้ ก็ได้โล่งอกไปพักหนึ่ง หลังจากนั้อีกสองสามวันก็คอยโทรเช็คอาการแม่ตลอด ส่วนพ่อก็ทำหน้าที่ดูดได้คล่องพอสมควรสามารถทำได้ดีกว่าเราเสียอีก แต่อาการเหนื่อยของแม่ยังไม่หายไปเลย จนถึงวันเสาร์ พ่อบอกว่าแม่มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ทีนี้เราจะทำไงดี เมื่อวันอาทิตย์ก็เลยตัดสินใจกลับไปดูอาการแม่ คืนวันอาทิตย์แทบไม่ได้นอนเพราะแม่หายใจแรงมาก อยู่กะพ่อสองคน เฝ้าดูอาการแม่ตลอด ตอนเที่ยงคืนชวนแม่ไปหาหมอที่โรงบาล  แม่ไม่ยอมไป แม่บอกว่ารอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน

มาทราบวิธีการเจาะคอกันก่อนดีกว่าค่ะ มีวิธีการอย่างไร เราก็พยายามศึกษาหาความรู้มาจากอินเทอร์เน็ต บวก กับ สอบถามกับคุณหมอที่รักษา แ่ม่นี่แหล่ะค่ะ

ประเภทของการเจาะคอ

การเจาะคอ มี 2 ประเภท คือ
1. การเจาะคอในสภาวะฉุกเฉิน (Emergency Tracheostomy หรือที่เรียกว่า Cricothyrotomy)   เป็นการเจาะคอในกรณีรีบด่วนที่ไม่มีโอกาสได้เตรียมผู้ป่วย ทำในกรณีเกิดการอุดตันของทางเดินหายใจส่วนบนเหนือระดับ กึ่งกลางของหลอดลมใหญ่อย่างกระทันหันจนไม่สามารถรอต่อไปได้ และไม่สามารถใส่ endotracheal tube ได้ เช่น เกิดอุบัติเหตุบริเวณกระดูกต้นคอ หรือมีสิ่งแปลกปลอมอุดทางเดินหายใจทันที ผู้ป่วยโรคคอตีบที่เกิดการอุดตันของทางเดินหายใจทันที การเจาะคอแบบนี้เจาะลงไประหว่างกระดูกอ่อนไครคอยด์และธัยรอยด์ บริเวณ cricothyroid membrane   ในกรณีรีบด่วน อาจใช้เข็มเบอร์ 14 แทงลงไป (ดังภาพ) หรืออาจใช้มีดหรือกรรไกรแทงลงไปแล้วใช้หลอดเล็กๆหรือวัตถุที่มีรูตรงกลางคาไว้ชั่วคราว เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้เร็วที่สุด แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการเจาะคอให้เรียบร้อยต่อไป    การเจาะคอแบบนี้จะไม่ใส่ท่อไว้นานเกิน 24-48 ชั่วโมง เพราะทำให้เกิดการตีบของกล่องเสียง (laryngeal stenosis) ได้    การเจาะคอแบบฉุกเฉินนี้จะต้องทำโดยผู้ที่มีความชำนาญ และทำในกรณีจำเป็นจริงๆเท่านั้น

2. การเจาะคอที่มีการตระเตรียม (Elective or orderly or routine tracheostomy)   ผู้ป่วยที่เจาะคอได้รับการดูแลเรื่องการหายใจมาก่อน เช่น ใส่ endotracheal tube ไว้ระยะหนึ่งแล้ว และวางแผนจะเจาะคอเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนเพียงพอ และเอาเสมหะที่อยู่ที่ลึกๆออกได้สะดวก   การเจาะคอแบบนี้จะทำในห้องผ่าตัด โดยใช้ยาชาเฉพาะที่หรือให้ยาสลบ   จะทำการเจาะที่บริเวณ Tracheal ring   ที่ 2,3,4 บริเวณกึ่งกลางระหว่างกระดูกอ่อน ไครคอยด์กับ Suprasternal notch หรือประมาณเหนือ Suprasternal notch ขึ้นมา 2 นิ้วมือ   กรีดแผลยาว 3 – 5 ซ.ม ตามแนวขวางหรือตามแนวตั้งก็ได้ แต่ไม่นิยมทำเพราะแผลไม่สวย   เมื่อเจาะคอแล้วจะใส่ท่อหลอดลมคอ (Tracheostomy tube) จากนั้นเย็บปิดแผลไว้

การเจาะคอของแม่ เป็นแบบที่สองค่ะ เป็นการเจาะแบบมีการตระเตรียมไว้ คุณหมอบอกว่า ที่ต้องเจาะเนื่องจากว่ามีการใส่ท่อช่วยหายใจบ่อยครั้ง เนื่องจากสาเหตุ น็อคจากเบาหวาน ค่ะ...

มาเรียนรู้สำหรับผู้ป่วยเจาะคอ สำหรับผู้ที่รู้ตัวอยู่แล้ว หรือยังไม่รู้ตัวว่าต้องเจาะคอกันนะค่ะ ตอนแรกเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เราต้องเตรียมอะไรบ้าง ต้องทำยังไง เมื่อมีการเจาะคอแล้ว ทราบกับคุณหมอซึ่งเป็นแค่การบอกคร่าวๆ เท่านั้น ก็เลยทำให้ไม่ค่อยพร้อมในการเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เราจึงคิดว่าน่าจะนำประสบการณ์ที่เราเจอมา ประสบมา มาเล่าบอกต่อกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เป็นเกี่ยวกับโรคนี้ค่ะ และการต้องมีอุปกรณ์สำหรับผู้ที่ต้องเจาะคอใหม่ๆ ในขณะที่แผลที่คอยังไม่หายต้องเตรียมอะไรบ้าง สำคัญสุดเลย เครื่องดูดเสมหะ ค่ะ ควรจะต้องมีอย่างยิ่ง เพราะเมื่อผ่าตัดเสร็จพักอีกไม่กี่วัน คุณหมอก็จะให้กลับบ้าน เมื่อตอนอยู่โรงพยาบาลเครื่องแบบนี้ มีอยู่เกือบทุกเตียงคนไข้ แต่พอกลับบ้านแล้วสิ ต้องซื้อก่อนเลยค่ะ ไม่งั้นจะเป็นแบบเรา ต้องพาแม่ไปดูดที่โรงพยาบาลวันล่ะ 3-4 เที่ยว เพราะเสมหะแม่เหนียวมาก ทั้งที่กินน้ำเยอะแล้วก็ตาม และอุปกรณ์อื่นๆ ดังนี้ค่ะ

อุปกรณ์ทำความสะอาดท่อเจาะคอ



1.หม้อต้มท่อ
2.ชามหรือถ้วยสำหรับล้างท่อ
3.น้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1:3
4.ผงซักฟอก, น้ำยาล้างจาน (ซัลไลท์)
5.ไม้พันสำลีหรือแปรงล้างหรือผ้าก็อซมัดเป็นปม 3-4 ปม
6.ถุงมือสะอาด
ขั้นตอนการทำความสะอาดท่อเจาะคอ
1. ล้างมือให้สะอาดหมุนปุ่มล็อคขึ้นด้านบนจับปีกท่อชั้นในแล้วดึงท่อออกตามแนวโค้งของท่อ
2. นำท่อแช่ใส่ชามหรือถ้วยสำหรับล้างท่อ เทน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์พอประมาณจนท่วมท่อ แช่นานประมาณ5 นาที
3.ล้างท่อให้สะอาดด้วยไม้พันสำลีหรือแปรงล้างหรือผ้าก็อซกับน้ำผสมผงซักฟอก/น้ำยาล้างจาน
4. นำท่อไปต้มในน้ำ นาน 20 นาที เทน้ำทิ้ง วางท่อให้เย็น ในหม้อ ปิดฝาหม้อไว้ ป้องกันฝุ่นผงตกใส่แล้วนำกลับไปสวมใส่ท่อเจาะคอตามแนวโค้งเหมือนเดิมพร้อมหมุนปุ่มล็อกกลับ
การล้างแผลเจาะคอ
อุปกรณ์
1.ถ้วยที่ผ่านการต้มฆ่าเชื้อแล้ว
2.เหล็กคีบสำหรับล้างแผล
3.น้ำเกลือล้างแผล
4.กอซปิดแผล
5.ปลาสเตอร์
ขั้นตอน
1.ดูดเสมหะ หรือให้ผู้ป่วยไอขับเสมหะ
2.แกะปลาสเตอร์และกอซปิดแผลออก
3.ล้างมือให้สะอาด
4. นำถ้วยล้างแผล,เทน้ำเกลือลงในถ้วย, ใส่สำลี4-5 ก้อนลงในถ้วย
5. ใช้เหล็กคีบจับหยิบสำลี บิดสำลีให้หมาดด้วยคีม เช็ดทำความสะอาดตามขั้นตอนดังนี้
สำลีก้อนที่ 1 เช็ดรอบๆ ท่อ (เช็ดออกด้านนอก)
สำลีก้อนที่ 2 เช็ดตัวท่อชั้นนอก
สำลีก้อนที่ 3 เช็ดใต้แป้นรอบๆ ท่อเจาะคอ (แผลเจาะคอ)
6. ใช้ผ้ากอซพับเป็นรูปตัว I สอดใต้แป้นท่อเจาะคอ ปิดปลาสเตอร์ที่กอซ ป้องกันการเลื่อนหลุด
7. นำท่อชั้นในที่เย็นแล้ว นำกลับมาใส่ที่เดิม
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
หากผู้ป่วยมีเสมหะมาก เหนียว ขับออกยาก (ผู้ป่วยไม่มีโรคประจำที่มีผลต่อการได้รับน้ำ) ดื่มน้ำมากๆ, เทน้ำใส่กาละมังให้ผู้ป่วยสูดน้ำร้อน จะช่วยให้เสมหะอ่อนตัว และให้ผู้ป่วยไอขับเสมหะออกได้
ไม่ปิดปลาสเตอร์บนผิวหนัง ปิดเฉพาะตัวกอซ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนังผู้ป่วย
การจับท่อเหล็กตัวใน ห้ามจับบริเวณก้านท่อเหล็ก เพื่อป้องกันนำเชื้อโรคเข้าสู่ผู้ป่วย
วิธีทำความสะอาดแผลรอบท่อหลอดลมคอ ถ้าผู้ป่วยทำเองได้ให้ใช้กระจกช่วยส่องดู พร้อมทั้งสังเกตแผลโดยรอบด้วย ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง ปวดเจ็บ มีหนองไหล หรือมีอาการอื่น ๆ รีบกลับไปพบแพทย์ทันที
การทำความสะอาดท่อหลอดลมคอ ควรทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือบ่อยเท่าที่จำเป็น
ขณะที่ใส่ท่อหลอดลมคออยู่ ไม่ควรอาบน้ำฝักบัว หรือลงว่ายน้ำในลำคลอง กันไม่ให้น้ำเข้าหลอดลมคอหรือสิ่งสกปรกอื่นลงไปด้วย

วันจันทร์ที่ 31-1-54 (วันมาหาหมอ) - (พักโรงบาลสระแก้ววันที่ 1-6/2/54)
     แล้วก็ถึงตอนเช้าเสียที งีบหลับไปตอนไปก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกที พ่อนั่งดูดเสลดให้แม่แล้ว แม่ดูเหนื่อยมาก หายใจแรงหลังจากดูดสเลดเสร็จก็พาแม่ไปหาหมอที่คลีนิคหมอประชา ใกล้กะโรงบาลสระแก้ว รอหมอพักนึ่งหมอก็มาตอนนั้นน่าจะประมาณ 7 โมงกว่าๆ หมอตรวจแม่คนแรก เพราะไม่มีคนไข้อื่น ดูแผลที่คอ ส่องดู หมอบอกว่าได้คุยกะหมอจักรพงษ์คนที่ผ่าคอแม่แล้ว และได้บอกว่า หลอดลมของแม่ตีบยาวมาก หลอดที่ใส่ที่เจาะมันไม่ถึงทำให้หายใจลำบาก หมอบอกว่ามันรู้สึกว่าแผลจะบวมๆ เลยเขียนใบสั่งแพทย์ไปโรงบาลสระแก้ว เราถือเอกสารที่หมอเขียนเดินทางมาที่โรงบาล มาถึงก็พาแม่เข้าห้องฉุกเฉินดูดสเลส แล้วก็ให้เราเดินเรื่องเอกสารทำเรื่องนอนโรงบาลเป็นผู้ป่วยใน หลังจากนั้นก็ต้องนอนโรงบาลอีก 1 อาทิตย์เนื่องจากว่า แผลติดเชื้อ บวมข้างในต้องให้ยาฆ่าเชื้อตลอดอาทิตย์ วันนั้นเราก็ให้หลานชายมาเฝ้าแม่เป็นอาทิตย์โดยจ้างให้เฝ้า วันละ 300 บาทจนกระทั่งวันเสาร์ถึงได้ไปเปลี่ยนหลานชาย ให้กลับบ้าน เลยได้เฝ้าแม่คืนวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ก็ให้พี่สาวมาเปลี่ยนอีก ตอนวันอาทิตย์ก่อนกลับบ้าน ได้คุยกะคุณหมอจักรพงษ์ ตอนที่มาตรวจแม่ ว่าขอให้คุณหมอช่วยแม่หนูได้ไหม ทำยังไงก็ได้ให้แม่หายเหนื่อย เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ทุกคนก็ไม่สบายใจ จะต้องเสียเงินเสียทอง หรือต้องทำยังไงก็ให้คุณหมอรีบทำ เพราะถ้าให้แม่กลับบ้านไป สุดท้ายก็ต้องกลับมาโรงบาลอีกเหมือนเดิมเพราะว่าที่บ้านไม่มีใครดูแลแม่ อาหารการกิน การรักษาแผล มีแต่คุณตาแก่ๆ ซึ่งก็ดูแลกันตามมีตามเกิดอาจจะทำให้แผลติดเชื้ออีกก็ได้ ตอนแรกคุณหมอบอกว่า รออาทิตย์หน้าถึงจะเปลี่ยนท่อให้แม่ เพราะแผลของแม่ยังบวมอยู่ เราก็เลยบอกว่า คุณหมอค่ะ หนูเชื่อว่าคุณหมอเก่ง และจะทำให้แม่ของหนูหายเหนื่อยได้ หนูขอให้คุณหมอช่วยแม่หนูด้วยค่ะ คุณหมอเลยเปลี่ยนใจจากที่จะรอเปลี่ยนท่อส่องกล้องอาทิตย์หน้า เปลี่ยนเป็นส่องกล้องวันพรุ่งนี้เลย คือวันจันทร์ ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 เราดีใจนะที่คำพูดของเราทำให้คุณหมอรู้สึกว่าสงสารเราและคุณแม่ของเรา ต้องอย่างนี้สิ หมอนี่น่ารักสุดๆ ไปเลย ตอนเย็นวันอาทิตย์ รอพี่สาวให้ไปเปลี่ยนก็ไม่มาสักที โทรไปตาม มันบอกว่าจะมาตอนหลังขายของตลาดนัดเสร็จ โคตรโมโหมันเลย คนเราแต่ก็ต้องมาทำงานทำไงได้ ปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวไปก่อน รอจนกว่าพี่สาวจะมา ก็โทรเช็คตลอดว่าพี่สาวไปหาแม่กี่โมง พี่สาวมาถึงโรงบาลตอน สามทุ่มพอดี แม่ไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่ คนป่วยเยอะ แถมป่วยหนักก็มีมีคนตายหลายคน ทำให้ไม่ค่อยได้พักผ่อน

วันจันทร์ที่ 7-2-54  เปลี่ยนท่อที่สระแก้ว
     วันนี้หมอให้แม่ งดอาหารตอนหลังเที่ยงคืน แต่แม่ก็ยังกินอยู่เลย ก่อน 7 โมงเช้า หมอมารับตัวไปส่องกล้องเปลี่ยนท่อใหม่ตอนประมาณบ่ายโมงกว่าๆ สักประมาณบ่ายสามกว่าๆ แม่ก็ออกจากห้องผ่าตัดที่ไปส่องกล้องพี่สาวโทรมาบอกว่า หมอจะส่งตัวแม่ไปกรุงเทพ โรงบาลศิริราช แต่รายละเอียดอื่นยังไม่ค่อยได้รู้เท่าไหร่ต้องรอถามหมอก่อนถึงจะรู้ ก็เลยให้พี่สาวไปถาม ส่งไปกี่โมง ไปทำอะไรบ้าง ต้องทำแบบไหน ใช้เวลาเท่าไหร่พี่สาวบอกว่า คุณหมอโทรไปคุยที่ศิริราชแล้ว ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ให้ส่งไปเลย พี่สาวก็เลยบอกว่าเป็นวันพุธได้ไหมจะได้มีเวลาเตรียมตัวลางานล่วงหน้าได้ พอตอนเย็นพี่สาวโทรมาอีกที บอกว่า คุณหมอให้เดินทางไปพรุ่งนี้เลยคือวันที่ 8-2-54 เนื่องจากว่า ที่ศิริราช ได้ติดต่อรับคนไข้ไว้แล้ว ถ้ารอจะเสียเวลาต้องทำเรื่องใหม่ทั้งหมด ก็เลยคุยกะหัวหน้า ขอลางานตั้งแต่วันอังคาร-เสาร์ เพราะไม่มีใครอยู่ดูแลแม่ ถ้าแม่ต้องนอนโรงบาลศิริราช หัวหน้าใจดีมาก ให้ลาได้เลย และเข้าใจดี

วันอังคารที่ 8-2-54 วันไป โรงพยาบาลศิริราช วันที่ 1
     วันนี้ตอนเช้าประมาณก่อนตีห้า พี่สาวโทรมาบอกว่า รถโรงบาลกำลังจะไปส่งแม่เตรียมตัวออกจากโรงบาลคงไปถึงที่ศิริราชเราคิดว่าน่าจะประมาณ 9 โมงกว่าๆ เผื่อรถติด ส่วนเราก็เตรียมตัวเดินทางออกแต่เช้าวันนี้ เป็นอะไรไม่รู้ ฝนดันตกไม่มีปี่ไม่มีขลุย มืดไปหมด ฝนตกแรงมาก ยังไม่ทันออกพ้นชลบุรีเลย ต้องจอดรถข้างทาง ไม่กล้าขับต่อ เพราะลมแรง มองไม่เห็นทาง รอประมาณ เกือบ 40 นาที กว่าจะได้เดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนถึง กทม. รถติดจริงๆ มาถึงศิริราช ตอน 9 โมงนิดๆ โทรหาพี่ หลานสาว ไอ้ป้อม เป็นห่วงแม่ตามแม่มาด้วยตอนที่อยู่โรงบาลให้พี่เขยมาส่ง เราไม่รู้เลยว่าหลานมาด้วย แต่ก็ดีพี่สาวจะได้ไม่ต้องกังวลเพราะว่ามันอ่านหนังสือไม่ออก เป็นห่วงมันเหมือนกัน แต่เราก็มาถึงแล้ว พี่สาวกะพยาบาลที่มาจากโรงบาลยื่นเรื่องไว้แล้ว รอให้คนพาเข้าห้องตรวจ ชั้น 5 โรงบาลศิริราช ตอนเรามารถโรงบาลสระแก้วยังจอดเปิดประตูอยู่เลย นึกว่าเค้าพาแม่เข้าห้องตรวจแล้ว แต่แม่ยังอยู่บนรถอยู่เลย เรามองไม่เห็น แม่เรียกเราก็ไม่เห็นเพราะแม่ไม่มีเสียง จนเราเดินไปที่รถ ถึงเจอแม่เอง เราตกใจเลย แม่รออยู่ตั้งนาน ร้อนก็ร้อน น่าจะพาแม่ลงจากรถก่อนก็ไม่ได้ พอดีพยาบาลที่มาจากสระแก้ว ก็ให้แม่ลงจากรถแล้วก็จะพาแม่ไปห้องตรวจชั้น 5 เราก็ได้ตามแม่ไปตั้งแต่ตอนนั้น ถึงชั้น 5 ก็พาเข้าห้องตรวจเลย รอหมอนานมาก กว่าหมอจะมา เพราะคนไข้เยอะแต่ก็ต้องรอ ก็เลยให้พยาบาลที่มาด้วย (พยาบาลที่มาด้วยเป็นผู้ชาย) กับพี่สาวกลับไปก่อน เราอยู่กับแม่ก็ได้พี่สาวให้ลูกเขยกะลูกสาวมารับ พอดีว่าเค้ามากรุงเทพกันพอดี มาทำธุระกัน พี่สาวก็กลับไปกับเค้า ส่วนเราอยู่กะแม่ที่โรงบาล หมอที่ตรวจบอกว่าให้รอหมอใหญ่มาตรวจอีกรอบ เราก็รอๆๆๆๆอยู่ในห้องตรวจจาก 9 โมง จนถึงเที่ยง ยังไม่มา หมอเข้ามาแล้วบอกว่า หมอใหญ่จะมาประมาณบ่ายโมงครึ่ง สุดท้ายหมอใหญ่ก็ไม่มา แต่หมอคนที่ตรวจแม่ก็ได้คุยกะหมอใหญ่แล้ว ให้นอนโรงบาลจะเปลี่ยนท่อ ส่องกล้อง ให้เซ็นต์ยินยอมจากนั้นเราก็ต้องเดินเรื่องที่จะรับต้องรับแม่เข้าเป็นผู้ป่วยใน ต้องไปติดต่อจุดต่างๆของโรงบาล ยื่นเอกสารเช็คสิทธิ์บัตรทอง โอ้ย กว่าจะทำเรื่องเสร็จก็ปาเข้าไป เกือบ 4 โมงเย็น สุดท้ายแล้ว แม่ก็ได้เข้าไปนอนที่ตึกเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 2 โรงบาลศิริราช ประมาณ 4 โมงเย็น เรางี้เทียบแย่ ปวดขาไปหมด ไม่ได้หยุดเลยพอเข้ามาในตึก หมอก็มาซักประวัติแม่ แม่มีหลายโรคต้องเจอกะหลายหมอ และหมอที่ประจำตึก ก็ตรวจอีกส่วนอาการแม่ ท่อที่ใส่มาแต่เช้า พอแม่ไอ มันก็เลื่อนออกมาเรื่อย พยาบาลต้องหาเชือกมาผูกกันไว้ก่อน แม่อาการปกติไม่เหนื่อย แต่ต้องดูดสเลดอีกประมาณ 2-3 ครั้ง เราอยู่กะแม่ อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดใหม่ให้แม่อยู่จนเกือบค่ำ ถึงได้ไปหาที่พัก แต่ก็ได้กลับระยอง เพราะต้องมาเอาของที่บ้าน และต้องเอาของที่ติดมากลับไปเก็บด้วย เลยไปนอนที่ระยอง พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ กลับมาถึงระยองเกือบ 3 ทุ่ม เหนื่อยหลับเป็นตายเล๊ย

วันที่พุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 54 อยู่ศิริราช วันที่ 2
     วันนี้ก็ออกจากบ้านระยองแต่เช้า ต้องไปหาแม่ตอน 10 โมง แม่คงรออยู่ เราก็ไม่ได้ซื้ออะไรไปเลย รถติดเหมือนเคย เบื่อจังกรุงเทพ ถึงโรงบาล 10 โมงกว่าๆ ก็เข้าไปโรงบาล แม่เห็นก็ถามหาข้าวเหนียวว่ามีไหมเราบอกว่าแม่จะกินทำไม เดี๋ยวเบาหวานก็ขึ้น ไม่ต้องกินหรอก  แม่เอาแต่ใจตัวเองมากเลย ขว้างทิชชูใส่เราด้วย คงเป็นเพราะหิวมาก และกินข้าวไม่อิ่ม เลยพาล อีกอย่างแม่ก็กินหมากไม่ได้ เพราะว่าแม่เจ็บปากมากแม่มีแผลที่ปากเต็มเลย เราก็บอกหมอไปแล้ว แต่หมอก็ไม่ให้ยา หมอบอกว่าไม่กล้าให้ เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องไปส่องกล้อง ต้องโป๊ะยา รอก่อนยังไม่สั่งยา เราว่ามันไม่เห็นเกี่ยวตรงไหนเลย น่าจะให้ยาแก แกคงเจ็บแผลที่ปากหมากก็ไม่ได้กิน เลยพาลโกรธเรา ร้องไห้ เรางี้ งง เลย ทำไมแม่เอาแต่ใจขนาดนี้ เลยโทรไปฟ้องพ่อ พ่อก็เลยบอกว่า ช่างหัวมัน มันไม่อยากหาย ก็ปล่อยมันไป ทำไมต้องเอาแต่ใจ ทุกคนอยากให้หาย แต่แม่ก็เป็นแบบนี้นิสัยแบบนี้ไม่ได้นะ พ่อก็บอกว่า ปล่อยให้มันอยู่คนเดียวเลย ไม่ต้องไปเฝ้า แม่ได้ยินยิ่งน้อยใจ บอกให้เราหยุดพูด เฮ้อ เราก็อดทนนะ ไม่อยากว่าแม่เยอะ เพราะแม่ป่วย ยังไงก็ต้องเอาใจแกไว้ก่อน เลยบอกว่า งั้นพรุ่งนี้จะซื้อมาให้กินแล้วกันนะ อีกสักพัก ก็เริ่มอารมณ์ดี ตอนแรกแกคงปรับตัวไม่ได้ เลยเป็นแบบนี้ วันนี้คุยกะหมอหลายคน เพราะแม่มีหลายโรค โรงบาลนี้ดีนะ มีหมอมาถามทุกโรคเลย เป็นโรคไหน หมอก็มา ไม่เหมือนสระแก้ว ตรวจรวมมิตร ไม่แยกหมอ หมอมีคนเดียวตรวจคนไข้ทุกคน แต่ที่นี่มีหมอทุกโรค อ๋อโรงบาลใหญ่มันดีอย่างนี้นี่เอง เราคงมาถูกทาง แล้วล่ะ อยู่กะแม่จนถึงเย็นอีกตามเคย กลัวแม่เหงา อาบน้ำอาบท่ากินข้าววันนี้ดูอาการแม่ดีขึ้นนะ ตอนเย็นต้องรีบไปหาบ้านพัก ได้ที่พักใกล้ๆ โรงบาล กลับไปนอนหลับเป็นตาย

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 54  วันเปลี่ยนหลอดคอ และส่องกล้อง (อยู่ศิริราช วันที 3)
     วันนี้แหล่ะที่หมอบอกว่าจะเปลี่ยนหลอดให้แม่ งดอาหารแม่ตั้งแต่เที่ยงคืนเมื่อคืน ก็รอไปเข้าห้องผ่าตัดเราไปถึงโรงบาลประมาณ 10 โมงกว่าๆ เหมือนเดิม อยู่คุยกะแม่ วันนี้ดูแม่รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ท่อที่ใส่มาตอนแรก ก็หลุดออกมาเรื่อย ๆ เราเลยปลอบใจแม่ว่า วันนี้เค้าเปลี่ยนให้แล้วแม่ ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวแม่ก็หายเหนื่อย คุยกันไปเรื่อยๆ สักประมาณ ตอนเที่ยงกว่าๆ เค้าก็มารับแม่ไปเปลี่ยนหลอดคอ และส่องกล้องเราให้กำลังใจแม่บอกว่า แม่สู้ๆ ชูสองนิ้ว เราก็ตามแม่ไป ไปตึกนวมินทร์ ชั้น 4 ห้องผ่าตัด รออยู่หน้าห้องผ่าตัด เราส่งแม่จนเข้าห้อง แล้วก็รอๆๆๆ นึกออกว่าเพื่อนจะพาลูกมาผ่าตัดหัวใจ เลยลองโทรไปถามว่าอยู่ที่ไหน พอดี ไอ้หมู เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกัน พาลูกมาผ่าตัดได้ประมาณเกือบยี่สิบวันแล้ว เราก็เลยไปเยี่ยมอยู่ที่ตึกอานันทมหิดล หาแทบตาย ก่อนไปเราไปไหว้บรมรูปที่อยู่หน้าตึกร้อยปี ศิริราชก่อน เราขอให้แม่ปลอดภัย ขอให้แม่หายเหนื่อย กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิมขอให้โรคภัยที่แม่เป็นอยู่ถ้าไม่หาย ก็ขอให้ทุเลาเบาบางลง หลังจากนั้นก็ไปหาเพื่อนเยื่ยมลูกเพื่อน ชั้น 7 คุยกันได้สักพัก ก็รู้ว่าแม่ออกจากห้องผ่าตัดมาแล้ว ดูแม่สดชื่นดี เราเลยรีบไปหาแม่ที่ตึก แม่ดูดีขึ้นมาก แม่บอกว่าแม่ขอไม่ใช้เค้าโปะยาสสบ เอาแค่ยาชาแล้วหมอก็เปลี่ยนหลอดคอให้ใหม่ ใหญ่กว่าเดิม หายใจคล่องกว่าเดิม แม่ดีขึ้นมากเลย อยู่กับแม่ตอนเย็นก็กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่

 

วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 (อยู่ศิริราช วันที่ 4)
     วันนี้ตื่นอาบน้ำตอนเช้า แล้วก็มาหาแม่ โดนตำรวจจับเพราะฝ่าไฟแดง โดนปรับไปสองร้อย ต้องไปจ่ายที่สถานีตลิ่งชัน เซ็งเลย ไปหาแม่ช้ากว่าปกติ ก่อนเข้าไปหาแม่ ซื้อข้าวเหนียวกะหมูปิ้งไปให้แม่ห่อนึ่ง หมูสองไม้ส่วนเราก็ซื้อไปกินต่างหาก น่ากิ๊นน่ากิน ดูท่าทางจะอร่อย แม่เห็นแย่งไปกินเลย เราซื้อซาลาเปาใส้ผักไปให้แม่ด้วยสองอัน แม่กินซะเรียบเลย แถมกินอาหารหมออีก เราบ่นว่า กลัวเบาหวานแม่ขึ้น แต่ก็ยอมให้แม่กินนะเพราะดุท่าทางแกคงหิวน่าดู เพื่อนที่เคยไปเยื่ยมลูกมันมาเมื่อวาน มันก็มาเยี่ยมแม่เหมือนกัน ซื้อของกินมาเพียบเลย นมจีดตราหมี ส้มลูกเล็กโลหนึ่ง แล้วยังมีขนมถังแตกใส้ฝอยทองมาด้วย เราบอกว่าแม่กินขนมไม่ได้มันหวาน เดี๋ยวเบาหวานขึ้น เลยเก็บไว้กินเอง เสร็จเราเลย อร่อยมาก ส่วนเพื่อนก็มาคุยกะเราพักใหญ่ก็กลับไปหาลูก เราก็อยู่กับแม่ถึงเย็น สักประมาณ 3 โมงกว่าๆก็จะกลับแล้ว เลยคุยกะพยาบาลฝากแม่ให้ให้พยาบาลดูแลแม่ให้ด้วย เพราะเราต้องกลับไปทำงาน จะมาอีกทีก็คงเป็นวันหยุด พยาบาลบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง มีอะไรพยาบาลจะโทรมาหาเอง เราให้เบอร์ไว้แล้ว แต่ถ้าเราโทรไปพยาบาลบอกว่าห้ามถามอาการให้ถามได้แต่ว่าจะกลับบ้านได้วันไหน มีเหตุมาจากว่ามีคนเคยโทรมาแล้วบอกอาการไป แต่พอเค้ามาจริงๆคนไข้อาการกลับไม่ดี ไม่เป็นอย่างที่พยาบาลบอก เค้าเลยบอกว่าถ้าโทรมาถามอาการจะไม่บอก ให้มาดูเองเท่านั้นเราก็เข้าใจ ไปหาแม่อีกทีถามแม่ว่าอยู่ได้ไหม แม่บอกว่าอยู่ได้ ไม่ต้องห่วงพยาบาลดีมาก ให้กลับไปทำงานเหอะเราก็เลยหอมแม่กอดแม่ แล้วบอกว่า หนูไปทำงานก่อน เดี๋ยวหนูจะมาหาแม่และจะรับไอ้ตัวเล็กกับพ่อมาหาแม่อีกทีวันหยุด คือวันศุกร์หน้านะ แม่ก็พยักหน้า โอเค แล้วก็กลับบ้าน......

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554
     เมื่อวานตีรถจาก กรุงเทพ มาที่สระแก้ว ไปหาพ่อ กะไอ้ตัวเล็ก มาถึงราวๆ 19.00 น. ออกจาก กทม. รถติดพอสมควรซื้อ แคนตาลูป ทางไปอรัญ ไปฝากพ่อและไอ้ตัวเล็ก ไปถึงก็กินข้าว แล้วก็นอนหลับไปเลย แม่คงนอนหลับสะบายแน่เลย เดี๋ยวจะโทรไปหาแม่แล้วกันเนอะ วันนี้ฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตกเลย
ตอนเย็นมีงานที่วัดใกล้บ้าน พาไอ้ตัวเล็ก 2 คนไปเที่ยวงานวัน ตอน 5 โมงเย็น ถ้าเป็นค่ำกว่านั้น จะต้องเสียค่าผ่านประตูเพราะวันนี้มีหมอลำมาแสดงด้วย ค่าเข้าดูตั้ง คนละ 30 บาท ไม่อยากเสียตังค์ เลยมาแต่หัวค่ำตอนหัวค่ำก็มีสอยดาว มีของขาย มีไหว้พระ มียิ่งเป้าด้วย เราก็ไปสอยดาว หมดไปหลายบาท ได้มาม่าแฟ๊บ ของใช้อย่างอื่น ยาสีฟัน สบู่ หมดไปตั้งหลายบาท แต่ได้แต่ของใช้ รางวัลใหญ่ สงสัยจะไม่แฟก ไม่เห็นมีใครได้สักคน เราไปยิ่งเป้าด้วย ยิงตุ๊กตาตัวเล็กได้ตั้ง 5 ตัว เอาไปแลกตัวใหญ่ได้ 1 ตัว เป็นของขวัญให้ไอ้ตัวเล็กมัน ดีใจใหญ่ ไอ้ตัวเล็กสุด ได้แหวนปลอมใส่ หน้าบานเลย ส่วนไอ้ตัวโต ก็ได้ตุ๊กตาไปตัวหนึ่ง สักเกือบ 6.30 น. ก็กลับบ้าน ทางวัดก็สั่งงดทำกิจกรรม และทำเรื่องต้องเก็บบัตรเข้าไปดูหมอลำ เราเลยต้องกลับเพราะเดี๋ยวจะเสียตังค์ กลับมาซื้อของกินทำอะไรกินที่บ้าน แล้วก็ดูทีวี นอนหลับ

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 วันนี้โทรไปหาแม่
     แล้วก็โทรไปหาแม่ที่โรงบาล บอกแม่ว่า ให้แม่ฟังเฉยๆนะ ไม่ต้องพูด เดี๋ยวเหนื่อย โทรไปประมาณสัก บ่ายแล้วแหล่ะจำเวลาไม่ได้ เล่าเรื่องไปเที่ยวงานวัดให้แม่ฟัง แล้วถามแม่ว่า ตอนนี้แม่ โอเคไหม ให้เคาะโทรศัพท์ ถ้า โอเคให้เคาะ ไม่โอเค ไม่ต้องเคาะ ได้ยินเสียงแม่ เคาะใหญ่เลย สงกะสัย คิดถึงลูก คิดถึงหลานแน่เลยพรุ่งนี้เราต้องไปทำงาน ต้องออกจากบ้านพ่อประมาณ สัก บ่าย มาถึงระยอง ก็คงจะค่ำ แหล่ะ

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 วันแห่งความรัก และวันทำงาน
     วันนี้โทรไปหาแม่ด้วย โทรไปว่า happy valantine บอกให้แม่หายไวๆ ให้ฟังเฉยๆ ต้องโทรไปหาแม่ทุกวันกลัวแม่เหงา บอกว่า รักแม่นะ สู้ๆนะแม่ แค่นี้แกคงปลื้มใจแน่เลย ถ้าเป็นเรามีคนบอกแบบนี้คงมีกำลังใจขึ้นเยอะเพราะฉะนั้น ก็ต้องบอก อยากให้แม่หายเร็วๆจัง อยากพาแม่ไปเที่ยวทั้งครอบครัว คงจะสนุก แม่สู้ๆนะ

วันที่ 15-16-17/2/2554 วันทำงาน
     โทรไปหาแม่ทุกวันอย่างที่บอกไว้ บอกแม่ว่า จะไปหาแม่วันศุกร์นะ คิดถึงแม่มากที่สุดในโลกเลย

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 วันไปเยื่ยมแม่
     วันนี้ตื่นแต่เช้าไปหาแม่ที่ศิริราช กะว่าน่าจะถึงช้ารถน่าจะเยอะ แต่ผิดคาด รถไม่ค่อยมี มาคิดๆ ดู ว่าทำไมรถน้อยจัง อ๋อ วันนี้เป็นวันหยุด ไปถึง 10 โมงพอดี ซื้อข้าวเหนียว หมูย่าง ซื้อหมาก กับ พลู และขนมไปฝากแม่ด้วย ไปถึง เห็นแม่นั่งยิ้มอยู่บนเตียงคนป่วย ดูท่าทางแม่แข็งแรงขึ้นมาก ไม่มีอาการเหนื่อยเหมือนตอนที่มาครั้งแรกเลย เดินเหินสะบายมาก เห็นแล้วก็สะบาย ไปหาแม่คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ หลายเรื่อง แม่เล่าให้ฟังเรื่องไปส่องกล้องรอบสอง ดูแล้ว ก็ โอเค มากๆ อยู่กับแม่ถึง บ่ายสอง ก็ต้องตีรถกลับไปสระแก้ววันนี้ไปนอนบ้านพ่อคืนหนึ่ง พรุ่งนี้พาพ่อกะไอ้ตัวเล็กไปเยี่ยมแม่ ขากลับรถติดพอสมควร แต่ก็กลับไปถึงตอน6 โมงกว่า ๆ กินข้าว นอนพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าต้องไปหาแม่
 
แม่อยู่ รพ.ศิริราช ช่วงเจาะคอ

วันที่ 19/2/2554 พาพ่อกะไอ้ตาต้าโตโต้ไปหาแม่ที่ศิริราช
     เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนเดินทางไกลไปกรุงเทพ ตื่นเต้นพอสมควร ตอนเช้าทอดปลาไปกินกลางทางกับข้าวเหนียวด้วยว่าแล้วต้องหิวข้าว ยังไม่ทันถึงไหน ก็ได้กินข้าวแล้ว วันนี้ทางไปฉะเชิงเทรา รถพ่วงรถบรรทุกเยอะฉิบเป๋งเลยขนาดเป็นทางสี่เลน ยังน่ากลัวเลย ไปถึงก้อประมาณ 10 โมงกว่าๆ เหมือนเดิม ขึ้นไปหาแม่ แม่เข้าห้องน้ำทุกคนที่ไป ก็เลยเดินไปเข้าห้องน้ำด้วย จ๊ะเอ๋ กับแม่ ดูท่าทางจะดีใจกันหมด ไม่เจอกันตั้งนาน ต้ากะโต้ กอดหอมแม่ใหญ่เลย คุยกันไปหลายเรื่อง โดยเฉพาะพ่อ ท่าทางจะดีใจเป็นพิเศษ คุยกันหลายเรื่อง กว่าจะกลับก็ปาไปบ่ายสอง แล้ว กลัวกลับมีด รถติด มีม๊อบเสื้อแดง กำลังตั้งขบวนตั้งกะตอนมา คาดว่าน่าจะรถติดชัวร์ตอนกลับไปฝากแม่ไว้กับพยาบาล ให้ดูแลแม่ด้วย เค้าก็โอเคนะ มีอะไรเค้าบอกว่าจะโทรมาบอก แต่เราก็ดทรหาแม่ตลอดอยู่แระ กลัวแกเหงา ออกจากศิริราช กลับทางเดิมไม่ได้ ฟังวิทยุ บอกว่ารถติดตรงแยกยมราช  แถวอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ติดยาว ใครเข้าไปออกบ่ได้ แต่เราไหวตัวทัน ออกถนนเส้นอื่น รอดตัวไปคับถึงบ้าน ประมาณ หกโมงครึ่งเหมือนเดิม จ้า