ภูนิตา กลอน

ฟ้าใส และ วันฝนพรำ































 

  

เจอเรื่องเศร้า มาก็มาก
เรื่องพลัดพราก ก็หลายหน
เรื่องความรัก…ผิดหวังก็ปะปน
ยังเวียนวน อยู่เรื่อยไป
แม้กาลเวลา จะผ่านพ้น
กับใจคน ที่หวั่นไหว
แต่โลกใบนี้ ยังหมุนต่อไป
ไม่เหลือใคร ยังเหลือตัวเรา
ผ่านมาถึงค่ำคืนนี้
แม้เป็นค่ำคืน ที่เงียบเหงา
แต่ไม่มีแล้วกับเรื่องเศร้า
เหลือแค่เพียงความทรงจำ…กับปากกาด้ามเก่า
และกระดาษสีเทาพร้อมกับกลอนเปล่าเล่าสู่กันฟัง

ที่หลับได้ทุกคืน เพราะอ่อนล้า
แหงนมองไปบนฟ้า ก็เหมือนเก่า
ฟ้ายังคงมีจันทร์ กับดวงดาว
ฉันยังคงมีความเหงา เป็นเพื่อนใจ
มองไปตามเส้นทาง อยู่ตรงหน้า
ก็แอบหลบ เช็ดน้ำตาที่รินไหล
มองเส้นทาง ดูจะกว้างและห่างไกล
แล้วเมื่อไหร่ วันไหนจะได้เจอ
ห่างกันมาก็ไกล ในวันนี้
ก็ยังคิดถึงคนดี อยู่เสมอ
เพิ่งรู้ว่าวันนี้ ไม่มีเธอ
น้ำตาจะนอง ล้นเอ่อได้มากมาย

ในค่ำคืน เดียวดาย ริมชายหาด
มองคลื่นสาด เข้าฝั่ง ยังใจหาย
เหมือนตัวเรา ลอยคว้าง อย่างเดียวดาย
จะมีใคร บ้างไหม เข้าใจเรา
- – - – -
มองอีกมุม ให้ใจ ได้หยุดคิด
มายึดติด อะไร กับความเหงา
ไร้เพื่อนคุย ก็เปิด เพลงเบาเบา
อย่างน้อยเรา เข้าใจ ใจเราเอง
มิทันที่ ทินกร ทอนประภา
สุคนธา โมกดอก ระลอกฟุ้ง
เคล้าสายัณห์ สันสี คลี่จรุง
ขจายปรุง แปลงฟ้า จิตรากร (จิตร = งดงาม + อากร = บ่อเกิด )
๏ แรม ๘ ค่ำ ธัมมั สวนะ
คืนวันพระ ประไพ ฤทัยผ่อน
อกุศล มลทิน จินดาจร
ประหนึ่งพร จากพระ สุระนันท์
๏ ความไม่ซื่อ ของคน ยลได้ด้วย
อยากร่ำรวย โดยไม่ ใคร่ขยัน
ทุจริต ติดสินบน วนพนัน
คอรัปชั่น ลำเอียง เลี่ยงงานตน
๏ อยากจะได้ หมายเอา ของเขามา
คิดเล่ห์สรรค์ มารยา สาระฉล
ล่อลวงด้วย สิ่งของ ต้องกมล
เพื่อหมายผล กลแผ่ ตกแก่ตัว
๏ ความเจ้าเล่ห์ เพทุบาย นิสัยคด
มิละลด โลกงำ ดำสลัว
ธรรมชาติ นาศภัย ไม่น่ากลัว
เช่นใจคน ฉลชั่ว ท้นทั่วเอย ฯ

ขอขอบคุณกลอนจาก :




































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น